วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โครงสร้างโปรแกรม


โครงสร้างของโปรแกรม1 โปรแกรมปาสคาล
   ปรแกรมในภาษาปาสคาล แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1. ส่วนหัว (Heading) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตามด้วยชื่อของโปรแกรม และจบบรรทัดด้วย ;
รูปแบบ
1. ส่วนหัว (Heading) เป็นการประกาศชื่อของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วยคำว่า PROGRAM ตามด้วยชื่อของโปรแกรม และจบบรรทัดด้วย ;รูปแบบPROGRAM ชื่อโปรแกรม (รายชื่ออุปกรณ์);ตัวอย่าง PROGRAM EXAM1; PROGRAM EXAM1(INPUT,OUTPUT);ข้อสังเกต ชื่ออุปกรณ์ คือ INPUT, OUTPUT หรือชื่อของไฟล์ที่เกี่ยวข้องภายในโปรแกรมถ้าไม่ระบุจะถือว่า INPUT เข้าทาง keyboard และ OUTPUT ออกทางจอภาพ
2. ส่วนข้อกำหนด (Declaration part) คือส่วนตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงคำว่า BEGIN ของโปรแกรมหลัก และเป็นส่วนที่เรากำหนดค่าต่าง ๆ ดังนี้
2.1 VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปร
รูปแบบ
VAR รายชื่อตัวแปร : ประเภทของข้อมูล;
ตัวอย่าง
VAR I,J,K : INTEGER;
NAME : STRING;
SALARY : REAL;
2.2 TYPE เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลขึ้นใหม่
รูปแบบ
TYPE ชื่อของแบบ = ประเภทหรือค่าของข้อมูล;
ตัวอย่าง
TYPE SCORE = INTEGER;
WEEK = (MON, TUE, WED, THU, FRI);
VAR TEST, MIDTERM, FINAL : SCORE;
DAY : WEEK;

จากตัวอย่างต้องประกาศชื่อแบบของตัวแปรก่อนแล้วจึงประกาศชื่อตัวแปรที่เป็นแบบ
2.3 CONST เป็นการกำหนดค่าคงที่ 
รูปแบบที่ 1
CONST รายชื่อค่าคงที่ = ค่าที่กำหนด;
รูปแบบที่ 2
CONST รายชื่อค่าคงที่ : ประเภทของข้อมูล = ค่าที่กำหนด;
ตัวอย่าง
CONST HEAD = ‘EXAMINATION’;
CONST A = 15;
CONST SALARY : REAL = 8000.00;
2.4 LABEL ใช้คู่กับคำสั่ง GOTO ภายในโปรแกรม
รูปแบบ
LABEL รายชื่อของ LABEL;
ตัวอย่าง
LABEL 256,XXX;
เช่น GOTO 256; GOTO XXX;
3. ส่วนคำสั่งต่าง ๆ (Statement Part) เป็นส่วนสุดท้ายของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วย “BEGIN” และปิดท้ายด้วย “END.”
ตัวอย่าง
BEGIN
Statement หรือคำสั่งต่าง ๆ ;
END.
2. ส่วนข้อกำหนด (Declaration part) คือส่วนตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงคำว่า BEGIN ของโปรแกรมหลัก และเป็นส่วนที่เรากำหนดค่าต่าง ๆ ดังนี้ 2.1 VAR เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลให้แก่ตัวแปรรูปแบบ VAR รายชื่อตัวแปร : ประเภทของข้อมูล;ตัวอย่าง VAR I,J,K : INTEGER; NAME : STRING; SALARY : REAL; 2.2 TYPE เป็นการกำหนดแบบของข้อมูลขึ้นใหม่รูปแบบ TYPE ชื่อของแบบ = ประเภทหรือค่าของข้อมูล;ตัวอย่าง TYPE SCORE = INTEGER; WEEK = (MON, TUE, WED, THU, FRI); VAR TEST, MIDTERM, FINAL : SCORE; DAY : WEEK;
จากตัวอย่างต้องประกาศชื่อแบบของตัวแปรก่อนแล้วจึงประกาศชื่อตัวแปรที่เป็นแบบ 2.3 CONST เป็นการกำหนดค่าคงที่ รูปแบบที่ 1 CONST รายชื่อค่าคงที่ = ค่าที่กำหนด;รูปแบบที่ 2 CONST รายชื่อค่าคงที่ : ประเภทของข้อมูล = ค่าที่กำหนด;ตัวอย่าง CONST HEAD = ‘EXAMINATION’; CONST A = 15; CONST SALARY : REAL = 8000.00; 2.4 LABEL ใช้คู่กับคำสั่ง GOTO ภายในโปรแกรมรูปแบบ  LABEL รายชื่อของ LABEL;ตัวอย่าง LABEL 256,XXX;เช่น GOTO 256; GOTO XXX; 3. ส่วนคำสั่งต่าง ๆ (Statement Part) เป็นส่วนสุดท้ายของโปรแกรม ขึ้นต้นด้วย “BEGIN” และปิดท้ายด้วย “END.”ตัวอย่าง BEGIN Statement หรือคำสั่งต่าง ๆ ; END.     2 โปรแกรมภาษา Cโครงสร้างของภาษา C
ทุกโปรแกรมของภาษา C มีโครงสร้างเป็นลักษณะดังรูป
ทุกโปรแกรมของภาษา C มีโครงสร้างเป็นลักษณะดังรูปhttp://itd.htc.ac.th/st_it50/it5016/nidz/Web_C/imgs/clip_image001_0001.gif 3 Basic
โดรงสร้างในการเขียนโปรแกรมด้วย Visual Basic
  • แบบ
  • Implicit
  • แบบ
  • Explicit
  • การตั้งชื่อคอนโทรลและอ๊อบเจ็กต์ ตามคำแนะนำของไมโครซอฟท์
  • ตัวแปรแบบ
  • Local
  • ตัวแปรแบบ
  • Public
  • แบบสแตติก
  • แบบไดนามิก
  • ด้านคณิตศาสตร์
  • ด้านตรรกะ
  • ด้านการเปรียบเทียบ
  • ด้านเชื่อมข้อความ
  4 Assembly       โปรแกรม จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ ซึ่งอยู่ในรูปแบบของเลขไบนารี่ที่เรียกว่าภาษา Machine ซึ่งเป็นภาษาที่สามารถ ติดต่อให้คอมพิวเตอร์ เข้าใจได้ ภาษา Machine นี้จะจัดให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นเลขฐานสิบหก (HEX) เช่น คำสั่ง 8 บิต 11101011B (B-ไบนารี่) เขียนได้เป็น 0EBH(H-ฐานสิบหก) แต่ก็เป็นการที่จะเข้าใจความหมาย ได้ยากในการใช้งาน การที่จะทำความเข้าใจภาษา Machine จะมีการใช้สัญลักษณ์ (Symbols) ที่เรียกว่า Mnemonics เพื่อแทนความหมายของคำสั่ง เช่น MOV A,#67H หมายความว่านำข้อมูลค่าคงที่ 67H ไปเก็บไว้ใน reg. A) โปรแกรมที่เขียนด้วยรหัส Mnemonics เรียกว่า ภาษา Assembly และก่อนที่จะให้ CPU ทำงานตามโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา Assembly ได้ แต่ต้องเปลี่ยนให้เป็นภาษา Machine ก่อน โดยใช้ โปรแกรมแอสเซมเบลอ   5 Jawaโครงสร้างโปรแกรมภาษาจาวา 
public class ชื่อคลาส {       public static void main(String[] agrs)      {           ประโยคคำสั่งต่างๆ ของโปรแกรม;          ..................................................;      } }
ตัวอย่างโปรแกรมภาษาจาวาไฟล์ Example.java class Example {      public static void main(String[] args)     {           String dataname = “Java Language“;           System.out.println(“My name is OAK“);           System.out.println(“OAK is a “ + dataname +“. “);      } }หมายเหตุ Compile : javac Example.java จะได้ไฟล์ Example.classRun         : java ExampleOutput    : My name is OAK                  OAK is a Java Language
คำอธิบาย- method main( ) จะเป็น method หลักที่ใช้ในการ run program ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในการ run program จะต้องทำการเขียนคำสั่งไว้ใน method นี้- การแสดงผลทางจอภาพ (Console Output) ใช้ method ชื่อ "println" ซึ่งอยู่ใน System.outคำสั่งนี้จะรับข้อมูลที่เป็น String เพื่อนำมาแสดงผลทางจอภาพ6 Cobolภาษาโคบอล (COBOL programming language) เป็นภาษาโปรแกรมระดับสูงภาษาหนึ่งที่อยู่มาอย่างยาวนาน COBOL ย่อมาจาก Common Business Oriented Language เป็นภาษาที่นิยมนำไปใช้ทางธุรกิจ ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1959 โดยนักคอมพิวเตอร์กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Conference on Data Systems Languages (CODASYL) และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 ภาษาโคบอลมีการแก้ไขและปรับปรุงอยู่ตลอด ดังนั้น เพื่อขจัดปัญหาความแตกต่างของตัวภาษาโคบอลในแต่ละเวอร์ชัน สถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกัน (ANSI) จึงได้พัฒนามาตรฐานกลางขึ้นมาในปี ค.ศ. 1968 เป็นที่รู้จักกันในนามของ ANS COBOL ต่อมาเมื่อ ปี ค.ศ. 1974 ทาง ANSI ได้นำเสนอ ANS COBOL รุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่ารุ่น 1968 และในปี ค.ศ. 1985 ANSI ก็นำเสนออีกรุ่นหนึ่งที่มีคุณสมบัติมากกว่ารุ่นปี 1974
รูปแบบภาษาโคบอลแบ่งออกเป็น 4 ดิวิชั่น คือ1.             Identification division การกำหนดชื่อโปรแกรมและชื่อผู้เขียน2.             Environment division การอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์3.             Data division การอธิบายเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูล4.             Procedure division การอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการประมวลผล     


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น